ผลสำรวจของนิด้าโพล

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “พลเอกประยุทธ์เดินหน้าต่อ...แล้วม็อบละ?” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 3 – 4 ธันวาคม 2563 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,315 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองต่อจากนี้ จากผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันพุธที่ผ่านมาทำให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังสามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้ การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้  ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อสถานการณ์ทางการเมืองหลังผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ทำให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังสามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้ พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 27.38 ระบุว่า สถานการณ์ทางการเมืองจะร้อนแรงขึ้น อย่างน่ากังวล รองลงมา ร้อยละ 22.89 ระบุว่า สถานการณ์ทางการเมืองจะร้อนแรงเหมือนเดิม แต่ไม่มีอะไรน่ากังวล ร้อยละ 17.64 ระบุว่า สถานการณ์ทางการเมืองจะร้อนแรงขึ้น แต่ไม่น่ากังวล ร้อยละ 17.49 ระบุว่า สถานการณ์ทางการเมืองจะร้อนแรงเหมือนเดิม และยังคง น่ากังวลอยู่ ร้อยละ 6.85 ระบุว่า สถานการณ์ทางการเมืองจะลดความร้อนแรงลง ร้อยละ 6.46 ระบุว่า ไม่มีเรื่องใดให้น่ากังวล และร้อยละ 1.29  ระบุว่า เฉย ๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการยกระดับการชุมนุมทางการเมืองของม็อบคณะราษฎรโดยใช้ผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเพื่อกดดันให้รัฐบาลทำตามข้อเรียกร้อง พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 35.13 ระบุว่า การชุมนุมจะยกระดับ แต่ไม่สามารถกดดันรัฐบาล  ให้ทำตามข้อเรียกร้องได้ รองลงมา ร้อยละ 29.36 ระบุว่า การชุมนุมจะไม่สามารถยกระดับ และไม่สามารถกดดันรัฐบาลให้ทำตามข้อเรียกร้องได้ ร้อยละ 12.17 ระบุว่า การชุมนุมจะยกระดับ จนสามารถกดดันรัฐบาลให้ทำตามข้อเรียกร้องได้ ร้อยละ 8.21 ระบุว่า การชุมนุมจะลดระดับ และไม่สามารถกดดันรัฐบาลให้ทำตามข้อเรียกร้องได้ ร้อยละ 7.45 ระบุว่า การชุมนุมจะไม่สามารถยกระดับ แต่สามารถกดดันรัฐบาลให้ทำตามข้อเรียกร้องได้ ร้อยละ 2.43 ระบุว่า การชุมนุมจะลดระดับ แต่สามารถกดดันรัฐบาลให้ทำตามข้อเรียกร้องได้ และร้อยละ 5.25 ระบุว่า เฉย ๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ  

เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 8.82 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 25.70 มีภูมิลำเนาอยู่ปริมณฑลและภาคกลาง ร้อยละ 18.25 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.69 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 13.54 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ ตัวอย่างร้อยละ 48.82 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.18 เป็นเพศหญิง

ตัวอย่างร้อยละ 6.69 มีอายุ 18 – 25 ปี ร้อยละ 15.74 มีอายุ 26 – 35 ปี ร้อยละ 22.59 มีอายุ 36 – 45 ปี ร้อยละ 32.17 มีอายุ 46 – 59 ปี และร้อยละ 22.81 มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่างร้อยละ 95.36 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 3.27 นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 0.61 นับถือศาสนาคริสต์ และอื่น ๆ และร้อยละ 0.76 ไม่ระบุศาสนา ตัวอย่างร้อยละ 22.58 สถานภาพโสด ร้อยละ 73.31 สมรสแล้ว ร้อยละ 3.12 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ และร้อยละ 0.99 ไม่ระบุสถานภาพการสมรส

ตัวอย่างร้อยละ 30.57 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 31.10 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 6.39 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 25.78 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ร้อยละ 4.94 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 1.22 ไม่ระบุการศึกษา

ตัวอย่างร้อยละ 9.13 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 15.51 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 21.22ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 15.51 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 15.06 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 19.62 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน ร้อยละ 2.58 เป็นนักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 0.08 เป็นพนักงานองค์กรอิสระที่ไม่แสวงหากำไร และร้อยละ 1.29 ไม่ระบุอาชีพ

ตัวอย่างร้อยละ 18.48 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 24.56 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 27.08 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001 – 20,000 บาท ร้อยละ 12.47 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001 – 30,000 บาท ร้อยละ 5.02 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001 –  40,000 บาท ร้อยละ 4.56 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 7.83 ไม่ระบุรายได้