ผลการสำรวจโพลประจำสัปดาห์
-
1
-
2
-
3
-
4
-
5
คสช. กับ การปฏิรูปการเมือง
วันที่อัพเดทล่าสุด : 26.03.2566
![](https://nidapoll.nida.ac.th/data/survey/uploads/FILE-1606979303671.png)
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “คสช. กับ การปฏิรูปการเมือง” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17 – 18 มิถุนายน 2557 จากประชาชนทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,253 หน่วยตัวอย่าง กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพ เกี่ยวกับการเร่งดำเนินการปฏิรูปการเมืองในด้านต่าง ๆ ของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาศัยการสุ่มตัวอย่างจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” ด้วยความน่าจะเป็นแบบมีระบบ (Systematic Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 95.0 และมีค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐาน (Standard Error: S.E.) ไม่เกิน 1.4
จากผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการเร่งดำเนินการปฏิรูปการเมืองในด้านต่าง ๆ ของ คสช. พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 23.43 ระบุว่า ควรปฏิรูประบบการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันของนักการเมืองและข้าราชการ รองลงมา ร้อยละ 20.24 ระบุว่า ควรแก้ไขปัญหาพฤติกรรมนักการเมือง ร้อยละ 17.63 ระบุว่า ควรแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง ร้อยละ 16.36 ระบุว่า ควรปฏิรูประบบการเลือกตั้ง ร้อยละ 5.76 ระบุว่า ควรพิจารณาคุณสมบัติและที่มาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ส.ส. และ ส.ว. ร้อยละ 4.67 ระบุว่า ควรเพิ่มช่องทางในการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจสาธารณะ ร้อยละ 4.06 ระบุว่า ควรเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรอิสระ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ร้อยละ 3.40 ระบุว่า ควรป้องกันไม่ให้กลุ่มทุนเข้าครอบงำพรรคการเมือง ร้อยละ 2.61 ระบุว่า ควรสร้างระบบการถ่วงดุลอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ร้อยละ 0.14 ระบุว่า อื่น ๆ เช่น การเคารพสิทธิและเสียงในระบอบประชาธิปไตย การเปิดโอกาสให้นักการเมืองรุ่นใหม่ ๆ ได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น และควรปฏิรูปไปพร้อม ๆ กันในทุก ๆ เรื่อง และร้อยละ 1.70 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับคุณสมบัติและที่มาของนายกรัฐมนตรี พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 77.57 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีควรมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน รองลงมา ร้อยละ 9.74 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ร้อยละ 7.50 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส. และได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ร้อยละ 2.87 ระบุว่า อื่น ๆ เช่น นายกรัฐมนตรี ควรมาจากการแต่งตั้ง และเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และที่สำคัญต้องเป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม สามารถนำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้ และร้อยละ 2.31 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
ด้านความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับรูปแบบการเลือกตั้ง ส.ส. ที่เหมาะสมกับประเทศไทย พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 38.04 ระบุว่า เป็นระบบการเลือกตั้ง ส.ส. แบบเขตละหนึ่งคน (One Man One Vote) รองลงมา ร้อยละ 25.59 ระบุว่า เป็นระบบการเลือกตั้ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อทั้งประเทศ ร้อยละ 11.32 ระบุว่า เป็นระบบการเลือกตั้ง ส.ส. แบบเขตใหญ่หลายคนแต่ไม่เกิน 3 คนต่อหนึ่งเขต (ระบบพวงใหญ่) ร้อยละ 10.45 ระบุว่า เป็นระบบการเลือกตั้ง ส.ส. ตามกลุ่มอาชีพ ร้อยละ 6.36 ระบุว่า เป็นระบบการเลือกตั้ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อรายจังหวัด ร้อยละ 2.61 ระบุว่า เป็นระบบการเลือกตั้ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อรายภาค ร้อยละ 0.13 ระบุว่า เป็นระบบการเลือกตั้ง ส.ส. แบบอื่น ๆ เช่น การเลือกตั้งแบบสหรัฐอเมริกา และร้อยละ 5.49 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
ท้ายสุด เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับความจำเป็นของการสังกัดพรรคการเมืองของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พบว่า ประชาชนเกินครึ่ง หรือร้อยละ 54.27 ระบุว่า ส.ส. ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง ขณะที่ ร้อยละ 40.86 ระบุว่า ส.ส. จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง และร้อยละ 4.87 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
ผลการสำรวจโพลประจำสัปดาห์
-
1
-
2
-
3
-
4
-
5