ผลการสำรวจโพลประจำสัปดาห์
-
1
-
2
-
3
-
4
-
5
กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)
วันที่อัพเดทล่าสุด : 26.03.2566
![](https://nidapoll.nida.ac.th/data/survey/uploads/FILE-1606793485439.png)
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 8 – 10 กันยายน 2557 จากประชาชนทั่วประเทศ ที่มีอายุไม่เกิน 35 ปี กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,003 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการรับรู้เกี่ยวกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และการออกหลักเกณฑ์ใหม่การให้กู้ยืมกองทุนฯ โดยจะเริ่มใช้หลักเกณฑ์ใหม่ใน ปีการศึกษา 2558 เป็นต้นไปอาศัยการสุ่มตัวอย่างจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” ด้วยความน่าจะเป็นแบบแบ่งชั้นภูมิ (Stratified Random Sampling) โดยแบ่งภูมิภาคออกเป็น 5 ภูมิภาค จากนั้นในแต่ละภาคสุ่มตัวอย่างแบบมีระบบ (Systematic Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ ร้อยละ 95.0 และมีค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐาน (Standard Error : S.E.) ไม่เกิน 1.1
จากผลการสำรวจ เมื่อถามถึงการรับรู้ของประชาชนเกี่ยวกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 39.79 ระบุว่า รู้จักบ้าง รองลงมา ร้อยละ 39.54 ระบุว่า รู้จักดี ร้อยละ 12.53 ระบุว่า ไม่รู้จักเลย และร้อยละ 8.14 ระบุว่า ไม่ค่อยรู้จัก
เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อหลักเกณฑ์ใหม่การให้กู้ยืมกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่ให้ผู้กู้ต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสม 2.00 และต้องมีหลักฐานแสดงถึงการเข้าร่วมโครงการจิตอาสา ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศ พบว่า ในจำนวนประชาชนที่รู้จักดีและรู้จักบ้าง ส่วนใหญ่ ร้อยละ 75.46 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะ ทำให้เด็กมีความกระตือรือร้น ขยันตั้งใจเรียนและมีส่วนช่วยเหลือให้กับสังคมมากขึ้น และเพื่อให้สมกับเป็นการกู้ยืมเพื่อการศึกษาจริง ๆ เนื่องจากบางคนกู้ยืมไปแต่มิได้นำไปใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษา แต่กลับนำไปใช้จ่ายอย่างอื่นแทน และยังเป็นการช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องของการค้างชำระจากการกู้ยืม รองลงมา ร้อยละ 21.08 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการปิดกั้นโอกาสทำให้เด็กบางคนที่เรียนไม่เก่ง มีผลการเรียนไม่ถึง 2.00 อยากเรียนแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์จริง ๆ เสียโอกาสไปด้วยแต่สำหรับการแสดงหลักฐานถึงการเข้าร่วมโครงการจิตอาสาที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศนั้นไม่เห็นด้วย เนื่องจากเด็กยังต้องรับผิดชอบในเรื่องเรียน หรือช่วยทางบ้านทำงาน หากเป็นระดับอุดมศึกษา ก็จะทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย อาจทำให้ไม่มีเวลาในการเข้าร่วมกิจกรรมกับโครงการต่าง ๆ ร้อยละ 3.46 ระบุว่า ไม่ระบุ/ ไม่แน่ใจ
ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อหลักเกณฑ์ใหม่การให้กู้ยืมกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่ให้ผู้กู้ต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสม 2.00 และต้องมีหลักฐานแสดงถึงการเข้าร่วมโครงการจิตอาสา ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศ ที่บังคับใช้เฉพาะในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย อนุปริญญา/ปริญญาตรี และผู้กู้รายเก่า แต่ไม่บังคับใช้กับผู้กู้ในระดับ ปวช. ปวท. ปวส. (อาชีวศึกษา) พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 63.37 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะควรมีสิทธิกู้ยืมได้เหมือนกัน เพราะบางคนขาดแคลนทุนทรัพย์จริง ๆ ควรมีมาตรฐานเดียวกัน และใช้เกณฑ์พิจารณาให้เท่าเทียมกันทั้งสายสามัญและสายอาชีวะ รองลงมา ร้อยละ 32.66 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะ เป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในสายอาชีวะ เนื่องจากแรงงาน/บุคลากรที่จบด้านสายอาชีวะเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานเป็นอย่างมาก เพราะส่วนใหญ่มุ่งเน้นเรียนสายสามัญมากกว่า อีกทั้งเนื้อหาหรือหลักสูตรของการเรียนการสอนของสายสามัญและอาชีวะ มีความแตกต่างกัน และ ร้อยละ 3.97 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
ผลการสำรวจโพลประจำสัปดาห์
-
1
-
2
-
3
-
4
-
5