ผลสำรวจของนิด้าโพล

          ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “8 ตุลาคม ต่างชาติจะเข้ามาเที่ยวแล้ว” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 1 – 2 ตุลาคม 2563 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,318 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการเปิดให้คนต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 97.0

          จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการเปิดให้คนต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2563 นี้ โดยนักท่องเที่ยวจะต้องถูกกักตัวเพื่อเฝ้าระวัง 14 วัน ก่อนได้รับอนุญาตให้เดินทางท่องเที่ยวในประเทศได้ พบว่า ร้อยละ 21.77 ระบุว่า เห็นด้วยมาก เพราะ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ธุรกิจการท่องเที่ยว และเพื่อแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนในประเทศ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตามที่รัฐได้กำหนดไว้อย่างเข้มงวด ร้อยละ 20.49 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย เพราะ ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในประเทศ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว ขณะที่บางส่วนระบุว่า รัฐต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวด และมีมาตรการป้องกันที่ชัดเจน ร้อยละ 16.77 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะ ไม่เชื่อมั่นในมาตรการป้องกันที่รัฐกำหนด เกรงว่าจะเป็นการนำเชื้อไวรัสโควิด - 19 มาแพร่ระบาด ในประเทศอีกครั้ง ร้อยละ 40.21 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย เพราะ เกรงว่าจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 รอบ 2 ต้องการให้รักษาสถิติการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดให้ดีเเบบนี้ต่อไป ยังไม่ต้องการให้เสี่ยงรับต่างชาติเข้ามา ขณะที่บางส่วนระบุว่า ไม่เชื่อมั่นในมาตรการป้องกันที่รัฐกำหนด และร้อยละ 0.76 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ     

          ด้านความกลัวของประชาชนต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 ระหว่างกลุ่มที่เดินทางเข้าประเทศไทยทางเครื่องบิน กลุ่มที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านด่านภาคพื้นดิน และกลุ่มที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านทางพรมแดนธรรมชาติ พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 50.23  ระบุว่า กลัวทั้งสามกลุ่ม พอ ๆ กัน รองลงมา ร้อยละ 31.11 ระบุว่า กลัวกลุ่มที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านทางพรมแดนธรรมชาติมากที่สุด ร้อยละ 10.54 ระบุว่า กลัวกลุ่มที่เดินทางเข้าประเทศไทยทางเครื่องบินมากที่สุด ร้อยละ 4.10 ระบุว่า ไม่กลัวทั้งสามกลุ่มเลย ร้อยละ 3.72 ระบุว่า กลัวกลุ่มที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านด่านภาคพื้นดินมากที่สุด และร้อยละ 0.30 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ    

          ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลว่าจะสามารถควบคุมไม่ให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 ภายในประเทศได้ เมื่อมีการเปิดให้คนต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ พบว่า ร้อยละ 11.91 ระบุว่า เชื่อมั่นมาก เพราะ ภาครัฐมีมาตรการควบคุมป้องกันที่ดี มีประสิทธิภาพและสามารถปฏิบัติตามได้อย่างเคร่งครัด ร้อยละ 25.04 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อมั่น เพราะ มั่นใจในมาตรการของรัฐที่ออกมาว่าจะสามารถควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 ได้ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ที่ผ่านมารัฐก็สามารถควบคุมและป้องกันได้ ร้อยละ 35.43 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่น เพราะ อยากให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 หมดไป 100% ก่อน เนื่องจากว่าคนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ขณะที่บางส่วนระบุว่า มาตรการที่รัฐกำหนดยัง ไม่เข้มงวดพอ ร้อยละ 26.18 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่นเลย เพราะ ไม่มั่นใจในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 ที่รัฐกำหนด ขณะที่บางส่วนระบุว่า กลัวว่าจะมีการใช้ช่องทางธรรมชาติในการเข้าประเทศซึ่งรัฐจะควบคุมและป้องกันได้ยาก และจะนำไปสู่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 รอบ 2 อย่างแน่นอน และร้อยละ 1.44 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ

          เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 8.95 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 25.80 มีภูมิลำเนาอยู่ปริมณฑลและภาคกลาง ร้อยละ 18.21 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.46 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 13.58 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ ตัวอย่างร้อยละ 48.86 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.14 เป็นเพศหญิง

          ตัวอย่างร้อยละ 8.04 มีอายุ 18 – 25 ปี ร้อยละ 14.19 มีอายุ 26 – 35 ปี ร้อยละ 21.78 มีอายุ 36 – 45 ปี ร้อยละ 32.55 มีอายุ 46 – 59 ปี และร้อยละ 23.44 มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่างร้อยละ 94.01 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 3.11 นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 1.21 นับถือศาสนาคริสต์ และอื่น ๆ และร้อยละ 1.67 ไม่ระบุศาสนา ตัวอย่างร้อยละ 22.30 สถานภาพโสด ร้อยละ 71.93 สมรสแล้ว ร้อยละ 3.95 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ และร้อยละ 1.82 ไม่ระบุสถานภาพการสมรส

          ตัวอย่างร้อยละ 32.32 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 30.35 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 8.12 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 22.46 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ร้อยละ 4.17 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 2.58 ไม่ระบุการศึกษา

          ตัวอย่างร้อยละ 7.28 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 13.88 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 22.23 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 14.34 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 17.15 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 19.73 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน ร้อยละ 2.73 เป็นนักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 0.08 เป็นพนักงานองค์กรอิสระที่ไม่แสวงหากำไร และร้อยละ 2.58 ไม่ระบุอาชีพ

          ตัวอย่างร้อยละ 18.89 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 27.47 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 25.11 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001 – 20,000 บาท ร้อยละ 9.71 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001 – 30,000 บาท ร้อยละ 5.39 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001 –  40,000 บาท ร้อยละ 5.08 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 8.35 ไม่ระบุรายได้